วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

คิดว่าหลุดไปอยู่ในภาพวาด! ที่พักเลียนแบบภาพของแวนโก๊ะ สัมผัสศิลปะแบบถึงเนื้อถึงตัว

ในวันทึม ๆ หม่น ๆ ของชีวิต บางทีก็นึกอยากเปลี่ยนโลกนี้ให้มีสีสดใสขึ้นสิบแปดระดับ เผื่ออารมณ์จะดีขึ้นมาบ้าง แต่ใครจะไปคิดว่าความคิดเล่น ๆ แบบนี้จะมีคนทำจริง! เพราะเขาเอาภาพสีสันฉูดฉาด ซึ่งเป็นลักษณะเด่นจากภาพของแวนโก๊ะมาเป็นต้นแบบของที่พักสุดสดใส ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนเป๊ะจนคิดว่าหลุดเข้าไปในภาพได้จริง ๆ 

quantumbooks.com
ใครที่ยังนึกไม่ออกว่าแวน โก๊ะคือใคร มินิมอร์ก็จะแอบกระซิบบอกเบา ๆ ว่าเขาคือศิลปินดัชต์ผู้โด่งดัง ชื่อจริง ๆ เขาออกเสียงว่าฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์ (Vincent Willem van Gogh) แต่ในไทยก็เรียกเขาว่า วินเซนต์ แวน โก๊ะ นี่แหละ เขามีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังอย่างปิกัซโซ่ด้วยล่ะ ใครที่ยังนึกไม่ออกลองมองภาพ The starry night ข้างบนดูสิ พอจะคุ้น ๆ บ้างมั้ย ?
สถาบันศิลปะในชิคาโกเขาเป็นเจ้าของไอเดียสุดชิคนี้เอง เพราะกำลังจะมีนิทรรศการภาพของแวนโก๊ะเกิดขึ้น เขาเลยคิดหาวิธีทำให้ศิลปะสามารถเข้าถึงผู้คนได้แบบถึงเนื้อถึงตัว (เพราะคนชอบมองว่าศิลปะเป็นเรื่องไกลตัวใช่มั้ยล่ะ) ซึ่งคราวนี้ก็ถึงเนื้อถึงตัวกันสุด ๆ เพราะเขาตัดสินใจแปลงโฉมห้องในอพาร์ตเมนท์เลียนแบบ ภาพ'Bedroom in Arles' ห้องนอนในฝรั่งเศสของแวนโก๊ะซะเลย

ผลออกมาก็เป็นอย่างที่เห็น ทั้งเหมือน ทั้งสัมผัสได้จนไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่เพียงแค่เปิดให้ชมเท่านั้นเพราะเขาเปิดให้เช่าใน Airbnb ให้ได้เข้าไปนอนกันจริง ๆ ด้วย ราคาก็ยังคงเป็นราคาที่สัมผัสได้เพราะคืนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น (สามร้อยกว่าบาทเองนะพวกเธอ)

สำหรับใครที่สนใจจะไปสัมผัสศิลปะที่ถึงเนื้อถึงตัวจนเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในรูปภาพ ห้องนี้เขาเปิดให้เข้าพักตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคมที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา เข้าพักจนชุ่มปอดแล้วก็อย่าลืมแวะไปชมนิทรรศการภาพของแวนโก๊ะด้วยล่ะ

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เมื่อศิลปินวาด 'รูป' จาก 'ลวด' จะเป็นยังไง งงเลยสิ มาดูกัน !!!

David Oliveira นักปฎิมากรรม อายุ 35 ปีชาวโปรตุเกส กับการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าทึ่งสุดๆ โดยการใช้ 'เส้นลวด' มาดัด ปั้น ตัด เชื่อม ต่อ บนอากาศให้เป็นรูปวาดและเรื่องราวต่างๆ เขาเริ่มสร้างสรรค์ผลงานชิ้นแรกตั้งแต่เรียนจบปริญาตรีสาขาปฎิมากรรมเซรามิก จากนั้นจึงได้ศึกษาและค้นหา'เส้นลวด'เพื่อทำผลงานในการศึกษาต่อในด้านกายวิภาคทางศิลปะ และช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้ผลงาน "วาดลวด" ของเขาก็พัฒนาและเป็นที่รู้จักกันมาเรื่อยๆ
 
รูปประกอบ: ที่ถืออยู่ในมือนั่นทำจากลวดนะ

รูปประกอบ:โอ้โหววว น่าตาดีใช่ย่อยนะจ๊ะ เดวิด (ส่วนตัวมาก ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานศิลปะใดทั้งสิ้น)

               งงเลยสิ ทำไมเขาถึงใช้คำว่า 'วาด' ก็เพราะว่า ผลงานของเขานั้นดูเผินๆแล้วเหมือนกับการนำเอาดินสอมาขีดๆเขียนๆ ขยุกขยุย เลยแหละ เราลองมาดูตัวอย่างผลงาน "วาดลวด" ของ David กันดีกว่า
ดูใกล้ๆกันก่อนนน โอ้โห ลวดจริงๆด้วย
 

ถ้าเปิดประตูห้องน้ำมาแล้วเจองี้ก็แอบหลอนนะ
 

เหมือนใช้ดินสอวาดจริงๆ
 
 
 
  

สไปเดอร์แมนใช่มั้ย??
 
 
 

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ข้ามเวลา! ศิลปินยุคใหม่จับศิลปะคลาสสิคมาล้อแบบน่ารัก ดาวินชีโดน แองเจโลก็โดน

ปกติเวลาดูพวกงานศิลปะเก่า ๆ คลาสสิค ๆ นี่เราจะรู้สึก'อู้หูว'ในความอลังการของมันใช่ม๊า ความรู้สึกเหมือนมันช่างยิ่งใหญ่เข้าถึงยาก นึกไม่ออกว่าถ้าหลุดออกมาจากพิพิธภัณฑ์จะเป็นยังไง เฮอะ นี่มันไม่ใช่ยุคของพวกเธอหรอก (นี่ก็เล่นใหญ่จัง) แต่ก็นั่นแหละ มีศิลปินหลายคนเลยล่ะที่มีไอเดียเด็ด ๆ เอางานสุดอลังเหล่านี้มาคิดใหม่ มาเล่นมาล้อให้อยู่ในยุคของเราได้แบบเกร๋ ๆ จนคิดไม่ถึง  วันนี้มินิมอร์เลยเลือกอันเจ๋งๆ บางส่วนมาให้ลองดูกัน

Art History in Contemporary Life - Alexy Kondakov

งานชิ้นนี้เป็นงานของ Alexy Kondakov ศิลปินชาวยูเครน โดยฮีได้จับเอาคน (อันที่จริงต้องบอกว่าเทพก็ยังมา!) ในรูปสุดคลาสสิคทั้งหลายมาอยู่ในสถานที่ในยุคปัจจุบันที่เรา ๆ ก็ใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่นี่แหละ  จะร้านกาแฟ หรือในรถไฟใต้ดิน  ซึ่งงานที่ออกมาก็เวรี่เท่ ต้องยอมใจให้ความสร้างสรรค์จริงๆ  (กราบบบบ)

thisiscolossal.com


thisiscolossal.com

    thisiscolossal.com


The Renaissance Series - Freddy Fabris

ด้วยความที่ชอบงานของศิลปินคลาสสิคอย่างเรมแบรนท์กับดาวินชี่อยู่แล้ว แถมปกติก็เป็นช่างภาพอยู่แล้ว ทำไมไม่เอามารวมกันซะเลยล่ะ  ซึ่งผลออกมาก็คือภาพเซ็ตนี้ล่ะ เฟรดดี้ก็ได้ทำการถ่ายรูปช่างยนต์ที่ปกติออกจะแมน ๆ ดิบ ๆ ให้ออกมาเป็นสไตล์แบบเรเนซองค์  แน่นอนว่าเท่ขนาดนี้ก็กวาดรางวัลมาทั้ง  International Color Award, the One Eyeland Silver Award,  APA Conceptual Award   เจ๋งไปเลยใช่ม๊า

            
fabrisphoto.com

thisiscolossal.com


thisiscolossal.com


Tribute to Classical Art - Udronotto

Udronotto เป็นศิลปินอิตาเลียนที่เอาตัวต่อเลโก้ที่เราเล่นๆ กันนี่แหละ มาทำเลียนแบบงานอาร์ตเก่าๆ (The Last Supper ก็โดนอีกเช่นเคย ยอดฮิตจริงๆ) โดยมีทั้งเอาตัวต่อมาผสมกับภาพวาดหรือภาพถ่ายต่างๆ และภาพวาดแต่เป็นหน้าเลโก้  ซึ่งงานนี้พอออกมาก็ดังเลยล่ะ  ก็คิวท์ซะขนาดนี้อะเนอะ

mymodernmet.com


mymodernmet.com

Classical Sculpture Action Figures 

ฟิคเกอร์การ์ตูนยังมีได้ ทำไมจะมีของรูปปั้นกรีกบ้างไม่ได้  บอกเลยว่าไม่ได้มาเล่นๆ เจ้าฟิคเกอร์นี้มากันครบซุปเปอร์สตาร์รูปปั้นเลยทีเดียว  จะวีนัส เดวิด ติ๊งเกอร์ แถมแขนขาลูกตาก็ยังขยับได้ให้เล่นกันสนุกสนาน (ใช่ ในที่สุดวีนัสก็ได้แขนเธอกลับคืนมา -- แต่ก็เป็นแขนแบบถอดทิ้งได้อยู่ดี :p)  ถ้าเอามาถ่ายลงไอจีแบบฟูจิโกะ (ตุ๊กตาสาวแบ๊วจากตู้กาชาปองเอาไว้เกาะแก้วเกาะจานถ่ายรูปนั่นแหละ) น่าจะออกมาเท่ๆ หรูๆ ไม่เหมือนใครเลยล่ะ

    thisiscolossal.com

 
thisiscolossal.com

Classic paintings meet Google Street View - Halley Doherty

หลัง ๆ มาถึงเราจะเห็นภาพแนวๆ Then & Now กันบ่อยๆ แต่บอกเลยว่าไอเดียของ Halley Docherty ที่เอารูปภาพเก่าต่างๆ ที่มีฉากเป็นเมืองจากรอบโลกมาซ้อนกับรูปจากกูเกิ้ลสตรีทวิว ก็ยังเห็นแล้วอู้หูวววได้อยู่ดี ว่าคิดได้ยังไง (แถมด้วยว่าหาโลเคชั่นยังไงฟะ)   


theguardian.com

weburbanist.com

weburbanist.com


ปัจจุบันมีศิลปินหลายคนเลยล่ะที่มีไอเดียเจ๋งๆ มาเล่นกับงานศิลปะเก่าๆ  ให้รู้กันไปเลยว่ายิ่งใหญ่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่เริ่ดๆ แต่ในพิพิธภัณฑ์นะเออ บอกเลยว่าที่ยกมานี่เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้นนะ ความสร้างสรรค์จงเจริญ เย่ !


วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ศิลปะแบบกลับตาลปัตร! จับเซรามิกจริงมาเปลี่ยนเป็น'ภาพดิจิทัล 8 บิท' น่ารักอ่ะ

หากพูดถึงเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก ทุกคนจะคิดถึงอะไรกันนะ? ก็คงจะเป็นดินเหนียว เครื่องเคลือบ ภาชนะเก่า ๆ ที่เอาไว้ใส่ดอกไม้ หรือไม่ก็ชุดจานชามที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร คงไม่มีใครคิดถึงเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกในมุมมองของงานศิลปะและกราฟิกเลยสินะ! (คืออะไรอ่ะ? ไม่เห็นรู้จักเลย)
วันนี้มินิมอร์จะพาทุกคนไปรู้จักสิ่งที่ 'Toshiya Masuda' เรียกว่า "ช่องว่างระหว่างภาพ" ลืมภาพเซรามิกแบบเดิม ๆ ไปได้เลยนะจ้ะ!

"เนื่องจากการควบคุมความรู้สึกต่าง ๆ ของคนเราขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ที่เคยผ่านมา หลาย ๆ สิ่งจึงกลายเป็นความรู้สึกในใจโดยที่เราเองไม่รู้ตัว" 'Masuda' ศิลปินชาวญี่ปุ่น วัย 39 ปี เล่าว่า "ช่องว่างระหว่างภาพ" คือสิ่งที่เค้าพยายามจะบรรลุถึงงานศิลปะโดยการผลิตภาพจากดิจิตอลโดยใช้เซรามิก (เห้ย เจ๋งอะ!)
ผลงานของ Masuda ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของสิ่งของทั่วไปที่เราพบเห็นกันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าผ้าใบ สก๊อตเทป ดอกไม้ หรือแม้กระทั่งไข่ดาว (น่ารักจนอยากจะกินจริง ๆ ซะเลย)
ถ้าสังเกตเจ้าเซรามิกเหล่านี้ใกล้ ๆ จะเห็นได้ว่า นี่คือบล็อกเซรามิกสีสันนับร้อยที่ถูกประกอบเข้าด้วยกันอย่างละเอียดรอบคอบ (โหยยยย ทำได้ยังไงเนี่ย?) และนี่คือสิ่งที่ศิลปินชาวญี่ปุ่นต้องการสะท้อนให้เห็นว่า โลกที่เรากำลังอาศัยอยู่ คือโลกที่เสมือนจริง ที่มักจะมีรอยต่อระหว่าง 'ของจริง' และ 'ของปลอม'

ศิลปะ'ช่องว่างระหว่างภาพ'เป็นการหยิบจับเอาศิลปะแบบดิจิทัลมาผสมผสานกับการสร้างสรรค์บนโลกจริงๆ ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าระหว่าง 'โลกจริง' กับ 'โลกเสมือน' มันมีแค่เส้นกั้นบาง ๆ เท่านั้น ส่วนพวกเราจะได้รับประโยชน์หรือโทษจากโลกเสมือนก็อย่าลืมนะ! ว่าตัวเรานี่แหละที่เป็นคนเลือกเอง

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

10 อันดับภาพเขียนที่แพงที่สุดในโลก ‪


10. Garçon à la pipe โดย พาโบล ปิกาสโซ (129 ล้านดอลลาร์ หรือ 4,128 ล้านบาท)
9. Bal du moulin de la Galette โดย ปิแอร์ ออกุสต์ เรอนัวร์ (143 ล้านดอลลาร์ หรือ 4,576 ล้านบาท)
8. Three Studies of Lucian Freud โดย ฟรานซิส เบคอน (144.6 ล้านดอลลาร์ หรือ 4,627 ล้านบาท)

7. Portrait of Dr. Gachet โดย วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ (150 ล้านดอลลาร์ หรือ 4,800 ล้านบาท)
6. Portrait of Adele Bloch-Bauer I โดย กุสตาฟ คลิมท์ (158 ล้านดอลลาร์ หรือ 4,864 ล้านบาท)
5. Le Rêve โดย พาโบล ปิกาสโซ (158.4 ล้านดอลลาร์ หรือ 5,068 ล้านบาท)
4. Woman III โดย วิลเลม เดอ คูนนิง (161 ล้านดอลลาร์ หรือ 5,152 ล้านบาท)
3. No. 5, 1948 โดย แจ็คสัน พอลล็อค (164 ล้านดอลลาร์ หรือ 5,248 ล้านบาท)
2. The Card Players โดย ปอล เซซานน์ (274 ล้านดอลลาร์ หรือ 8,768 ล้านบาท)
1. NAFEA FAA IPOIPO? โดย พอล โกแกง (300 ล้านดอลลาร์ หรือ 9,600 ล้านบาท)

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

10 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในนักเรียนศิลปะ

1. คิดว่าเรียนศิลปะแล้วมีแต่ความสนุกไม่เครียด
ศิลปะเป็นงานอดิเรกที่หลายคนมีไว้เพื่อผ่อนคลาย ข้อนี้เราไม่เถียงค่ะ แต่หากเรียนศิลปะอย่างจริงจังมันมีรายละเอียดมากกว่านั้นหลายเท่า และงานก็หนักสุดๆ ต้องส่งชิ้นงานทุกอาทิตย์ แถมมีความกดดันจากเพื่อนที่เก่งกว่าอีกด้วย เรียกได้ว่าต้องใจรักจริงๆ ถึงจะเรียนรอด ศิลปะเป็นวิชาที่ไม่ได้จบแค่ในห้องเรียน ส่วนใหญ่ต้องเอางานมาทำต่อในเวลาว่างกันทั้งนั้น ถ้าอยากจะมาเรียนสนุกลุกนั่งสบาย ขอให้คิดใหม่ค่ะ
2. ต้องบิ้วอารมณ์ให้ได้ที่ก่อนถึงจะเริ่มทำงานศิลปะได้
การมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่ทำถือเป็นเรื่องดีค่ะ แต่บางคนมัวแต่บิ้วตัวเองจนไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไรสักที หรือบางทีก็คิดว่าไอเดียยังไม่เจ๋งพอ ขอคิดไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่า อยากทำแล้ว ตู้ม...! ทีเดียวให้สุดยอดไปเลย ซึ่งคนที่คิดแบบนี้ส่วนใหญ่จะส่งงานไม่ทันเดทไลน์ค่ะ ฉะนั้น คิดอะไรออกมาได้ก็ลงมือทำไปก่อนดีกว่านะ ถ้ามันยังไม่ถูกใจก็ค่อยๆ ปรับแก้ต่อยอดจากสิ่งที่ทำไปเรื่อยๆ
3. เล่นท่าง่ายเกินไป
ผลงานศิลปะที่ดีควรจะมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีตัวตนของศิลปินอยู่ในนั้น และถ้าจะให้ดีก็ควรริเริ่มทดลองอะไรใหม่ๆ บ้าง ผลงานจะได้ไม่ซ้ำซากน่าเบื่อค่ะ
4. อ่อนซ้อม
นักเรียนศิลปะหลายคนมีไอเดียยอดเยี่ยม แต่ขาดทักษะที่จะถ่ายทอดความน่าทึ่งเหล่านั้นออกมาให้ดีพอ ผลงานจึงดรอปลงอย่างน่าเสียดาย ผู้เรียนศิลปะควรรู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนอะไรและหมั่นฝึกฝนให้ดียิ่งขึ้น
5. ขาดการพัฒนาไอเดีย
ผลงานของนักเรียนศิลปะ ควรจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ นักเรียนไม่ควรปล่อยให้ไอเดียย่ำอยู่กับที่ ควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ เช่น เดินชมหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ ดูงานศิลปะของต่างประเทศ หรือบางทีก็ข้ามไปรับสื่อแขนงอื่นๆ เช่น หนัง เพลง หนังสือ เพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับตัวเองบ้าง
6. ไม่พอใจในผลงานก็เริ่มใหม่
ใครๆ ก็อยากทำงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบกันทั้งนั้น แต่คำว่าสมบูรณ์แบบมันไม่มีอยู่จริงหรอกค่ะ โดยเฉพาะในโลกของการทำงานจริง งานจะดีอย่างเดียวไม่ได้ งานต้องเสร็จตามกำหนดเวลาด้วย ดังนั้น ในชั้นเรียนวิชาศิลปะการส่งงานให้ตรงตามเวลา จึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ความสวยงามอลังการของผลงาน นักเรียนบางคนพอทำงานไปแล้วไม่ถูกใจก็ทิ้งแล้วไปทำชิ้นใหม่ สุดท้ายพอถึงกำหนดส่ง สิ่งที่ได้ออกมากลับเป็นงานที่เสร็จครึ่งๆ กลางๆ สองชิ้น เอาจริงๆ ถ้าเลือกทำชิ้นเดียว แล้วพยายามพัฒนาต่อให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ น่าจะดีกว่านะคะ
7. ฝึกวาดจากรูปวาดของคนอื่น
ไม่แนะนำให้ทำอย่างแรงเลยค่ะ เพราะผลงานที่ได้จะขาดความเป็นตัวของตัวเองและขาดมุมมองใหม่ๆ นักเรียนศิลปะควรวาดจากวัตถุต้นแบบโดยตรง และแตกไอเดียจากความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองมากกว่า แต่ก็อาจมีบางบทเรียนที่อาจารย์ให้โจทย์เป็นการเลียนแบบรูปวาดของศิลปินอื่นอยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ก็ต้องดูความเหมาะสมเป็นกรณีๆ ไปค่ะ
8. เขียนคำอธิบายชิ้นงานยาวเกินไป
จริงๆ เรื่องการเขียนอธิบายชิ้นงานมันไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวว่าแบบไหนถูกหรือผิดหรอกค่ะ แต่งานศิลปะที่ดีควรจะสามารถสื่อสารได้ด้วยตัวของมันเอง ถ้าต้องพึ่งคำอธิบายยืดยาวเกินพอดี นั่นอาจแปลว่างานชิ้นนั้นไม่สามารถสื่อสารได้ดีพอ แต่ถ้าเป็นวิชาวิเคราะห์ วิจารณ์งานศิลปะ แบบนี้จัดเต็มเลยค่ะ เขียนออกมาให้เต็มที่มีเท่าไหร่ใส่ไปไม่ต้องยั้ง
9. ขาดทักษะในการพรีเซนต์งาน
บางครั้งคนในสายอาชีพอื่นเขาอาจจะเข้าไม่ถึงผลงานของเรา เราก็ไม่ควรไปติสต์แตกใส่เขานะคะ (โดยเฉพาะถ้าคนนั้นเป็นลูกค้า) นักเรียนศิลปะที่ดีควรมีทักษะในการนำเสนอผลงานติดตัวไว้บ้าง จะได้สามารถอธิบายงานของเราให้คนทั่วไปเข้าใจด้วยภาษาเข้าใจง่ายและทรงพลัง หรือพูดง่ายๆ ก็คือขายงานเป็นนั่นเอง
10. ผัดวันประกันพรุ่ง
ที่สุดของความหายนะในนักเรียนศิลปะ ก็คือนิสัยผัดวันประวันพรุ่งนี่แหละค่ะ นี่คืออุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ขวางความสำเร็จของผู้คนมานักต่อนัก หากคุณมีไอเดียยอดเยี่ยม ฝีมือเลิศล้ำ แต่ไม่ลงมือทำงานมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรค่ะ จำไว้ว่ามีของต้องสำแดงนะคะ ว่าแล้วก็ไปลงมือทำงานที่เรารักกันดีกว่า

ภาพศิลปะแปลกๆแบบสุดโต่ง

ภาพพิพิธภัณฑ์งานศิลป์ ศิลปะแปลกๆ แบบสุดโต่ง อาร์ตขั้นเทพ คุณอาจจะเคยเห็นผลงานศิลปะแบบแปลกๆ แนวๆ อาร์ตๆ มามากมายหลายอย่าง แต่วันนี้ขอเสนอ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ที่มีความพิศดารในแนวคิด การสร้างผลงานแบบอาร์ตขั้นเทพ รวบรวมเอาผลงานศิลป์ ความคิดสร้างสรรค์ ที่กลั่นออกมาจากจิตวิญญาณจริงๆ อาร์ตตัวพ่อ อาร์ตตัวแม่คงจะชอบ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแปลกๆ นี้อยู่ที่สาธารณรัฐเช็ก